วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2556

โปรเเกรมดูหนัง



VLC Media Player



VLC Media Player (โปรแกรมดูหนังฟังเพลง เปิดได้ทุกค่าย สนับสนุนหนัง HD) : สำหรับโปรแกรม VLC Media Player เป็นโปรแกรมแจกฟรี โปรแกรมดูหนังฟังเพลง อีกหนึ่งโปรแกรมเล่นไฟล์วีดีโอ หรือไฟล์หนัง ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ ดูหนัง HD นี่ยิ่งชัดแจ๋วเลยทีเดียว ตัวโปรแกรมสามารถดูหนัง เปิดไฟล์วีดีโอหลักๆ เช่นไฟล์ MPEG-1, MPEG-2, MPEG-4, DivX, XviD, WMV รวมถึงแผ่น CD และ DVD ได้แล้ว ยังใช้ฟังเพลง MP3 หรือ OGG ระหว่างทำงานไปได้ชิวๆ อีกด้วย มาพร้อมกับลูกเล่นและฟังก์ชั่นครบครัน แถมฟรีอีกต่างหาก ไม่ธรรมดาครับตัวนี้ และตัวนี้ใหม่นี้ ยังสนับสนุนภาพในระบบ HD (High-Definition) อีกด้วย โหลด VLC ไปใช้ เรียกได้ว่าให้คุณไป ดูหนังฟังเพลง กันได้อย่างจุใจไปเลย ...



Program Features (คุณสมบัติ โปรแกรม VLC Media Player) :
โปรแกรมสามารถ เปิดไฟล์หนัง เปิดไฟล์เพลง พูดง่ายๆ คือ ดูหนังฟังเพลง ได้ทั้งหมด ด้วยโปรแกรม VLC Media Player ตัวนี้ คุณจะไม่มีความเป็นต้องใช้ โปรแกรมเสริมอื่นๆ ช่วยในการใช้งาน แต่อย่างใด ติดตั้งโปรแกรมเดียว ใช้ได้ทันที
โปรแกรม VLC Media Player สามารถ เปิดไฟล์หนัง หรือจะเป็น เปิดไฟล์เพลง ได้ในมาตรฐานไฟล์แบบ MPEG-2, DivX, H.264, MKV, WebM, WMV, MP3 ซึ่งเป็นมาตรฐานเพลง และ ภาพยนตร์ (หนัง) ยอดนิยม ของทั่วโลกอยู่แล้ว
ดูหนัง HD ชัดแจ๋ว
สามารถ ใช้งานได้กับบนเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกๆ Platform (ทุกระบบปฏิบัติการ) อย่าง Windows, MacOS หรือ Linux
แจกฟรี ล้าน% สำหรับ โปรแกรม VLC Media Player ไม่มีหมกเม็ด ไม่มีโฆษณาแฝง ไม่มี ADWare, Spyware แอบแฝงใดๆ
ความเร็วและขนาดของโปรแกรมที่เล็กมากๆ เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของโปรแกรม VLC

Changelog (สิ่งที่ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงใน VLC Media Player)

เวอร์ชั่น 2.0.8 :
แก้ไขข้อผิดพลาด (Bug) ที่เกิดขึ้นในเวอร์ชั่นที่แล้ว กับปลั๊กอิน หรือโมดูลในหลายๆ ตัว

เวอร์ชั่น 2.0.7 :
แก้ไขข้อผิดพลาด (Bug) ที่เกิดขึ้นในเวอร์ชั่นที่แล้ว
แก้ปัญหาเรื่องการบริโภคหน่วยความจำ (RAM) ที่อาจทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และบางครั้งเกิดอาการค้างหรือปิดโปรแกรมโดยไม่ทราบสาเหตุ
แก้ปัญหาการบริโภคหน่วยความจำที่มี มาเกินไปขณะกำลังแปลงไฟล์วีดีโอเป็น .AVI
การเข้ารหัสเสียงในไฟล์เสียงตระกูล MP3 และ AAC ถูกแก้ไขแล้ว
แก้ไขปัญหาระบบเปิดฟัง (Playback) ของไฟล์ WMA Pro, MPEG 4 ALS, APE, MLP และ ADPCM-IMA4 ที่มีปัญหาในรุ่นก่อน

โปรแกรมฟังเพลง


AIMP โปรแกรมฟังเพลงที่น่าใช้มากๆ อีกตัวหนึ่ง นอกจาก Winamp และ Windows Media Player ที่เป็นที่รู็จักกันของหลายๆ คน จุดเด่นของ AIMP นอกจากหน้าตาที่สวยงามและมีให้เลือกถึง 15 แบบ(สามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้) ความสามารถก็มากไม่แพ้หน้าตาที่สวยงาม ตั้งแต่การใช้งาน RAM มากๆ สามารถเปิด AIMP ร่วมกับการทำชนิดอื่นได้อย่างไม่มีปัญหา ไม่ทำให้เครื่องของคุณช้าหรือรบกวนการทำงานอื่นๆ ให้อารมณ์เสีย
Skin แบบ Hot Hot เท่ส์ซะไม่มี


และความสามารถที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ คือ เทคโนโลยีการประมวลผลเสียงที่มีเฉพาะ AIMP ทำให้เสียงที่ออกมามีความชัดและใสเหมือนต้นฉบับจริงๆ อย่างแน่นอน รองรับไฟล์หลายนามสกุลอาทิ MP1, MP2, MP3, MPC / MP+, AAC, AC3, Ogg, FLAC,APE, WavPack, Speex,WAV, CDA, WMA, S3M, XM, MOD, IT, MO3, MTM, UMX, และยังสามารถสร้าง Playlist ได้ไม่จำกัด

นอกจากการฟังเพลงแล้ว AIMP ยังสามารถฟังวิทยุออนไลน์และอัดเสียงจากวิทยุ บันทึกออกมาในรูปแบบไฟล์ที่โปรแกรมรองรับได้อีกเช่นกัน ฟังดูแล้วหลายคนคงสนใจ แต่มีข้อเสียอยู่นิดหนึ่งนะครับ คือโปรแกรมไม่สามารถเล่นไฟล์ VDO ได้นั่นเอง ที่เป็นเช่นนี้ อาจจะเพราะว่ามันเกิดมาเพื่อเล่นเพลงนั้นเอง



Winamp 
Winamp

Winamp (โปรแกรมฟังเพลง โปรแกรมเล่น MP3 ฟรี) : สำหรับ โปรแกรมฟังเพลง หรือ โปรแกรมเล่น MP3 นามว่า Winamp ตัวนี้ พัฒนาออกเวอร์ชั่นแรกเริ่มมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1997 ความสามารถ ชื่อเสียง คงไม่ต้องมาเอ่ยถึงแล้ว เกินบรรยายครับ โปรแกรมเล่นเพลงถึงแม้จะมีประวัติการพัฒนามาอย่างยาวนาน แต่โปรแกรมนี้ยังได้มีการพัฒนาออกมาเรื่อยๆ เพื่อให้ได้เทคโนโลยีที่เข้ากับยุคสมัยตลอดเวลา โปรแกรมเล่นเพลง Winamp นี้เอาไว้เล่น ไฟล์ ที่เกี่ยวกับมัลติมีเดีย (Multimedia) ต่างๆ เกือบครบ ทุกชนิด เช่น ไฟล์ MP3 , MP2 , MPG , MID , IT , XM , M3U , PLS , ASX , CDA , VOC , WAV และ CD-Audio (แผ่นซีดีเพลง)




ดาวน์โหลดโปรแกรม SMPlayer

โปรแกรม SMPlayer 0.8.5
SMPlayer ทางเลือกอีกทางหนึ่งสำหรับผู้ที่อยากจะได้โปรแกรมสำหรับการเล่นไฟมัลติมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นหนัง เพลง วิดีโอต่าง ๆ ทั้งแบบธรรมดาไปจนถึงคุณภาพ HD, Blu-ray คุณสามารถที่เปิดไฟล์เหล่านี้ avi, mkv, ogm, mpeg, vob, 3gp, asf, mov, wmv, mp3, ogg และอื่น ๆ จากโปรแกรมนี้ได้เพียงไม่กี่คลิกเท่านั้น มันเป็นเครื่องมือที่แจกให้นำไปใช้งานได้ฟรี ๆ จึงเป็นที่นิยมกันมากในตอนนี้และกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ไวรัส

ไวรัสคอมพิวเตอร์  ที่บุกรุกเข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ ส่วนมากมักจะมีประสงค์ร้ายและสร้างความเสียหายให้กับระบบของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นๆ
ในเชิงเทคโนโลยีความมั่นคงของระบบคอมพิวเตอร์นั้น ไวรัสเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำสำเนาของตัวเอง เพื่อแพร่ออกไปโดยการสอดแทรกตัวสำเนาไปในรหัสคอมพิวเตอร์ส่วนของข้อมูลเอกสารหรือส่วนที่สามารถปฏิบัติการได้ ดังนั้นไวรัสคอมพิวเตอร์จึงมีพฤติกรรมในลักษณะเดียวกับไวรัสในทางชีววิทยา ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตในลักษณะเดียวกันนี้ คำอื่นๆ ที่ใช้กับไวรัสในทางชีววิทยายังขยายขอบข่ายของความหมายครอบคลุมถึงไวรัสในทางคอมพิวเตอร์ เช่น การติดไวรัส (infection) แฟ้มข้อมูลที่ติดไวรัสนี้จะเรียกว่า โฮสต์ (host) ไวรัสนั้นเป็นประเภทหนึ่งของโปรแกรมประเภทมัลแวร์ (malware) หรือโปรแกรมที่มีประสงค์ร้าย ในความหมายที่ใช้กันทั่วไปนั้น ไวรัสยังใช้หมายรวมถึง เวิร์ม (worm) ซึ่งก็เป็นโปรแกรมอีกรูปแบบหนึ่งของมัลแวร์ ซึ่งบางครั้งก็ทำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์นั้นสับสนเมื่อคำไวรัสนั้นใช้ในความหมายที่เฉพาะเจาะจง คอมพิวเตอร์ไวรัสนั้นโดยทั่วไปจะไม่ส่งผลก่อให้เกิดความเสียหายต่อฮาร์ดแวร์โดยตรง แต่จะทำความเสียหายต่อซอฟต์แวร์


ประเภทของไวรัส  
ไวรัส บูตเซกเตอร์ไวรัส Boot Sector Viruses หรือ Boot Infector Viruses
คือไวรัสที่เก็บตัวเองอยู่ในบูตเซกเตอร์ ของดิสก์ การใช้งานของบูตเซกเตอร์คือ เมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์เริ่มทำงานขึ้นมาตอนแรก เครื่อง จะเข้าไปอ่านบูตเซกเตอร์ โดยในบูตเซกเตอร์จะมีโปรแกรมเล็ก ๆ ไว้ใช้ในการเรียกระบบ ปฎิบัติการขึ้นมาทำงานอีกทีหนึ่ง บูตเซกเตอร์ไวรัสจะเข้าไปแทนที่โปรแกรมดังกล่าว และไวรัส ประเภทนี้ถ้าไปติดอยู่ในฮาร์ดดิสก์ โดยทั่วไป จะเข้าไปอยู่บริเวณที่เรียกว่า Master Boot Sector หรือ Parition Table ของฮาร์ดดิสก์นั้น ถ้าบูตเซกเตอร์ของดิสก์ใดมีไวรัสประเภทนี้ติดอยู่ ทุก ๆ ครั้งที่บูตเครื่องขึ้นมาโดย พยายามเรียก ดอสจากดิสก์นี้ ตัวโปรแกรมไวรัสจะทำงานก่อนและจะเข้าไปฝังตัวอยู่ใน หน่วยความจำเพื่อเตรียมพร้อมที่ จะทำงานตามที่ได้ถูกโปรแกรมมา แล้วตัวไวรัสจึงค่อยไป เรียกดอสให้ขึ้นมาทำงานต่อไป ทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โปรแกรมไวรัส Program Viruses หรือ File Intector Viruses เป็นไวรัสอีกประเภทหนึ่งที่จะติดอยู่กับโปรแกรม ซึ่งปกติก็คือ ไฟล์ที่มีนามสกุลเป็น COM หรือ EXE และบางไวรัสสามารถเข้า ไปติดอยู่ในโปรแกรมที่มีนามสกุลเป็น sys และโปรแกรมประเภทOverlay Programsได้ด้วย


โปรแกรมไวรัส
Program Viruses หรือ File Intector Viruses เป็นไวรัสอีกประเภทหนึ่งที่จะติดอยู่กับโปรแกรม ซึ่งปกติก็คือ ไฟล์ที่มีนามสกุลเป็น COM หรือ EXE และบางไวรัสสามารถเข้าไปติดอยู่ในโปรแกรมที่มีนามสกุลเป็น sys และโปรแกรมประเภท Overlay Programs ได้ด้วย โปรแกรมโอเวอร์เลย์ปกติจะเป็นไฟล์ีที่มีนามสกุลที่ขึ้นต้นด้วย OV วิธีการที่ไวรัสใช้เพื่อที่จะเข้าไปติดโปรแกรมมีอยู่ 2 วิธี คือ การแทรกตัวเข้าไปอยู่ในโปรแกรม ผลก็คือ หลังจากที่โปรแกรมนั้นติดไวรัสไปแล้ว ขนาดของโปรแกรมจะใหญ่ขึ้น หรืออาจมีการสำเนาตัวเองเข้าไปทับส่วนของโปรแกรมที่มีอยู่เดิม ดังนั้นขนาดของโปรแกรมจะไม่เปลี่ยนและยากที่จะซ่อมให้กลับเป็นดังเดิม การทำงานของไวรัสโดยทั่วไป คือ เมื่อมีการเรียกโปรแกรมที่ติดไวรัสอยู่ ตัวไวรัสจะเ้ข้าไปหาโปรแกรมตัวอื่นๆ ที่อยู่ในดิสก์เพื่อทำสำเนาตัวเองลงไปทันทีแล้วจึงค่อยให้โปรแกรมที่ถูกเรียกนั้น ทำงานตามปกติต่อไป



หนอนคอมพิวเตอร์ (Worm) 
หนอน (Worms) ในอีกความหมายหนึ่ง เป็นสิ่งที่อันตรยต่อระบบมาก (สามารถทำความเสียหายต่อระบบได้จากภายใน เหมือนกับหนอนที่กัดกิน ผลไม้จากภายใน) โดยทั่วไปก็จะคล้ายกับไวรัสคอมพิวเตอร์ และด้วยการอาศัยพฤติกรรมการทำงานของมนุษย์ยุค IT ในการแพร่กระจายตัวเองไปยัง เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น หนอนร้าย เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกออกแบบมาให้สามารถแพร่กระจายตัวเองจากเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ไปยังอีกเครื่องหนึ่งโดยอาศัยระบบเน็ตเวิร์ค (e-Mail) ซึ่งการแพร่กระจายสามารถทำได้ด้วยตัวของมันเองอย่างรวดเร็ว และรุนแรงกว่าไวรัสมาก


โพลีมอร์ฟิกไวรัส (Polymorphic Viruses)
Polymorphic Viruses เป็นชื่อที่ใช้ในการเรียกไวรัสที่มีความสามารถในการแปรเปลี่ยนตัวเองได้ เมื่อมีการสร้างสำเนาตัวเองเกิดขึ้นซึ่งอาจได้ถึงหลายร้อยรูปแบบ ผลก็คือ ทำให้ไวรัสเหล่านี้ยากต่อการถูกตรวจจับ โดยโปรแกรมตรวจหาไวรัสที่ใช้วิธีการสแกนอย่างเดียว ไวรัสใหม่ๆในปัจจุบันที่มีความสามารถนี้เริ่มมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ


สทิลต์ไวรัส (Stealth Viruses)
Stealth Viruses เป็นชื่อเรียกไวรัสที่มีความสามารถในการพรางตัวต่อการตรวจจับได้ เช่น ไฟล์อินเฟกเตอร์ ไวรัสประเภทที่ไปติดโปรแกรมใดแล้วจะทำให้ขนาดของโปรแกรมนั้นใหญ่ขึ้น ถ้าโปรแกรมไวรัสนั้นเป็นแบบสทีลต์ไวรัส จะไม่สามารถตรวจดูขนาดที่แท้จริงของโปรแกรมที่เพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากตัวไวรัสจะเข้าไปควบคุมดอส เมื่อมีการใช้คำสั่ง DIR หรือโปรแกรมใดก็ตามเพื่อตรวจดูขนาดของโปรแกรม ดอสก็จะแสดงขนาดเหมือนเดิมทุกอย่างราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

มาโครไวรัส (macro virus)
มาโครไวรัส คือไวรัสที่ติดไฟล์เอกสารชนิดต่างๆ ซึ่งมีความสามารถในการใส่คำสั่ง
มาโครสำหรับทำงานอัตโนมัติในไฟล์เอกสารด้วย ตัวอย่างเอกสารที่สามารถติดไวรัสได้ เช่น
ไฟล์ไมโครซอฟท์เวิร์ด ไมโครซอฟท์เอ็กเซล เป็นต้น

โปรแกรมแอนตี้ไวรัส (Program Antivirus)


โปรแกรมป้องกันไวรัส ( Anti Virus Program ) การใช้งานคอมพิวเตอร์ร่วมกับบุคคลอื่นหลาย ๆ คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประยุกต์ใช้กับระบบเครือข่าย สิ่งที่เป็นปัญหาและพบบ่อยมากที่สุดก็คือไวรัสคอมพิวเตอร์ ( computer virus ) ซึ่งเป็นชุดคำสั่งประเภทหนึ่งที่มีผู้ที่ไม่ประสงค์ดีเขียนขึ้นมาเพื่อทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของคอมพิวเตอร์ลดลงหรือไม่สามารถทำงานต่าง ๆ ได้ จึงมีผู้พัฒนาโปรแกรมไว้ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวเรียกว่า โปรแกรมป้องกันไวรัส (anti virus program )การใช้คอมพิวเตอร์โดยทั่วไปควรจะมีการติดตั้งโปรแกรมนี้ไว้ภายในเครื่องด้วย อย่างไรก็ดีไวรัสคอมพิวเตอร์นั้นเกิดขึ้นใหม่อยู่ตลอดเวลา โปรแกรมบางรุ่นอาจไม่สามารถตรวจพบไวรัสบางตัวได้ซึ่งเป็นเพราะว่าผลิตขึ้นมาก่อนที่ไวรัสตัวนั้นจะแพร่กระจาย ผู้ใช้จึงจำเป็นต้องอัพเดทข้อมูลบอกให้กับโปรแกรมเหล่านี้ทราบด้วยเพื่อให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์นั่นเอง (โปรแกรมป้องกันไวรัสจะมีส่วนของการอัพเดทข้อมูลแบบออนไลน์จากเว็บของเจ้าของโปรแกรมให้กับผู้ใช้ไว้ด้วยเสมอ)

วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2556

สแกนเนอร์ คือ  อุปกรณ์จับภาพและเปลี่ยนแปลงภาพ จากรูปแบบของแอนาลอกเป็นดิจิตอล ซึ่งคอมพิวเตอร์ สามารถแสดง, เรียบเรียง, เก็บรักษาและผลิตออกมาได้ ภาพนั้นอาจจะเป็นรูปถ่าย, ข้อความ, ภาพวาด หรือแม้แต่วัตถุสามมิติ
สแกนเนอร์แบ่งป็น 3 ประเภทหลัก ๆ คือ
1. สแกนเนอร์ดึงกระดาษ (Sheet - Fed Scanner)
2. สแกนเนอร์แท่นเรียบ (Flatbed Scanner)
3. สแกนเนอร์มือถือ (Hand - Held Scanner)

สแกนเนอร์ดึงกระดาษ (Sheet - Fed Scanner)
สแกนเนอร์แบบนี้จะรับกระดาษแล้วค่อย ๆ เลื่อนหน้ากระดาษแผ่นนั้นให้ผ่านหัวสแกน ซึ่งอยู่กับที่ข้อจำกัดของสแกนเนอร์ แบบเลื่อนกระดาษ คือสามารถอ่านภาพที่เป็นแผ่นกระดาษได้เท่านั้น ไม่สามารถ อ่านภาพจากสมุดหรือหนังสือได้
สแกนเนอร์แท่นเรียบ (Flatbed Scanner)
สแกนเนอร์แบบนี้จะมีกลไกคล้าย ๆ กับเครื่องถ่ายเอกสาร เราแค่วางหนังสือหรือภาพไว้ บนแผ่นกระจกใส และเมื่อทำการสแกน หัวสแกนก็จะเคลื่อนที่จากปลายด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง ข้อจำกัดของสแกนเนอร์ แบบแท่นนอนคือแม้ว่าอ่านภาพจากหนังสือได้ แต่กลไกภายในต้องใช้ การสะท้อนแสงผ่านกระจกหลายแผ่น ทำให้ภาพมีคุณภาพไม่ดีเมื่อเทียบกับแบบแรก
สแกนเนอร์มือถือ (Hand - Held Scanner)
สแกนเนอร์แบบนี้ผู้ใช้ต้องเลื่อนหัวสแกนเนอร์ไป บนหนังสือหรือรูปภาพเอง สแกนเนอร์ แบบมือถือได้รวม เอาข้อดีของสแกนเนอร์ ทั้งสองแบบเข้าไว้ด้วยกันและมีราคาถูก เพราะกลไกที่ใช้ไม่ สลับซับซ้อน แต่ก็มีข้อจำกัด ตรงที่ว่าภาพที่ได้จะมีคุณภาพแค่ไหน ขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอ ในการเลื่อนหัวสแกนเนอร์ของผู้ใช้งาน นอกจากนี้หัวสแกนเนอร์แบบนี้ยังมีหัวสแกนที่มีขนาดสั้น ทำให้ อ่านภาพบนหน้าหนังสือขนาดใหญ่ได้ไม่ครบ 1 หน้า ทำให้ต้องอ่านหลายครั้งกว่าจะครบหนึ่งหน้า ซึ่งปัจจุบันมีซอฟต์แวร์หลายตัว ที่ใช้กับสแกนเนอร์ แบบมือถือ ซึ่งสามารถต่อภาพที่เกิดจากการสแกนหลายครั้งเข้าต่อกัน



เทคโนโลยีการสแกนภาพ
แบบ PMT (Photomultiplier Tube)
เทคโนโลยีแบบ PMT หรือ Photomultiplier tube ใช้หัวอ่านที่ทำจากหลอดสูญญากาศให้เป็นสัญญาณ ไฟฟ้าและสามารถขยาย สัญญาณได้กว่าร้อยเท่า ทำให้ภาพที่ได้มีความละเอียดสูงและมีราคาแพง
แบบ CIS (Contact Image Sensor)
เทคโนโลยีแบบ CIS หรือ Contact image sensor ใช้เทคโนโลยีเซนเซอร์แบบสัมผัสภาพซึงเป็นระบบการทำงานที่ตัวรับแสง จะรับแสงที่สะท้อนกลับจากภาพมายังตัวเซนเซอร์โดยตรงไม่ต้องผ่านกระจกเลนส์ ลำแสงสีขาวที่ใช้ในการสแกนจะมี 3 หลอดสีคือ สีแดง ,น้ำเงิน และ เขียว ทั้ง 3 หลอดจะสร้างแสงสีขาวขึ้นมาเพื่อใช้สแกน สำหรับสแกนเนอร์ที่ใช้ระบบ CIS นี้ ให้ความละเอียดสูงสุดได้ประมาณ 600 จุดต่อนิ้วเท่านั้น ระบบนี้จะมีข้อจำกัดเรื่องของการโฟกัส คือ ไม่สามารถโฟกัสได้เกิน 0.2 มม. จึงทำให้ไม่สามารถสแกนวัตถุที่มีความลึกหรือวัตถุ 3 มิติได้
แบบ CCD (Charge-Coupled Deiver)
เทคโนโลยีแบบ CCD หรือ Charged-coupled device ใช้หัวอ่านที่ไวต่อการรับแสงและสามารถแปลงเป็นสัญญาณไฟฟ้า สแกนเนอร์ส่วนใหญ่ใช้เซนเซอร์แบบ CCD จึงทำให้สามารถสแกนวัตถุที่มีความลึกหรือวัตถุ 3 มิติได้ แต่รูปทรงจะมีขนาดใหญ่กว่าแบบ CIS เพื่อรองรับแผงวงจรที่ใช้พลังงานสูง การทำงานของสแกนเนอร์แบบ CCD คือการส่องแสงไปที่วัตถุที่ต้องการสแกน เมื่อแสงสะท้อนกับวัตถุและสะท้อนกลับมาจะถูกส่งผ่านไปที่ CCD เพื่อตรวจวัดความเข้มข้นของแสงที่สะท้อน กลับออกมาจากวัตถุ และแปลงความเข้มของแสงให้เป็นข้อมูลทางดิจิตอล เพื่อส่งผ่านไปยังคอมพิวเตอร์เพื่อประมวลภาพหรือสีนั้นๆ ออกมา ในลักษณะความเข้มข้นของแสงที่ออกมาจากวัตถุ (ส่วนของสีที่มีสีเข้มจะสะท้อนแสงน้อยกว่าส่วนที่มีสีอ่อน) การทำงานของเครื่องสแกนเนอร์จะถูกควบคุมโดยซอฟแวร์ที่เรียกว่า TWAIN ซึ่งจะควบคุมการอ่านข้อมูลที่อยู่ในรูปดิจิตอล เป็นข้อมูลที่ CCD สามารถตรวจจับปริมาณความเข้มข้นของแสงที่สะท้อนออกมาจากวัตถุนั้น แต่ในกรณีที่วัตถุนั้นเป็นลักษณะโปร่งแสง เช่น ฟิล์ม หรือแผ่นใส แสงที่ออกมาจากเครื่องสแกนเนอร์ จะทะลุผ่านม่านวัตถุนั้นออกไป โดยจะไม่มีการสะท้อน หรือถ้ามีการสะท้อน ก็จะน้อยมากจน CCD ตรวจจับความเข้มของแสงนั้นไม่ได้ หรือถ้าได้ก็อาจเป็นข้อมูลที่มีความผิดเพี้ยนไป ดังนั้นการสแกนวัตถุที่มีลักษณะโปร่งแสงนั้น ต้องมีชุดหลอดไฟส่องสว่างด้านบนของวัตถุนั้น ซึงอุปกรณ์ชนิดนี้ได้แก่ Transparency Unit หรือ Film Adapter


ประเภทของภาพที่เกิดจากการสแกน แบ่งเป็นประเภทดังนี้
ภาพ Single Bit
ภาพ Single Bit เป็นภาพที่มีความหยาบมากที่สุดใช้พื้นที่ในการเก็บข้อมูล น้อยที่สุดและ นำมาใช้ประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้ แต่ข้อดีของภาพประเภทนี้คือ ใช้ทรัพยากรของเครื่องน้อยที่สุดใช้พื้นที่ ในการเก็บข้อมูลน้อยที่สุด ใช้ระยะเวลาในการสแกนภาพน้อยที่สุดSingle-bit แบ่งออกได้สองประเภทคือ
Line Art ได้แก่ภาพที่มีส่วนประกอบเป็นภาพขาวดำ ตัวอย่างของภาพพวกนี้ ได้แก่ ภาพที่ได้จากการสเก็ต
Halftone ภาพพวกนี้จะให้สีที่เป็นโทนสีเทามากกว่า แต่โดยทั่วไปยังถูกจัดว่าเป็นภาพประเภท Single-bit เนื่องจากเป็นภาพหยาบๆ
ภาพ Gray Scale
ภาพพวกนี้จะมีส่วนประกอบมากกว่าภาพขาวดำ โดยจะประกอบด้วยเฉดสีเทาเป็นลำดับขั้น ทำให้เห็นรายละเอียดด้านแสง-เงา ความชัดลึกมากขึ้นกว่าเดิม ภาพพวกนี้แต่ละพิกเซลหรือแต่ละจุดของภาพอาจประกอบด้วยจำนวนบิตมากกว่า ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลมากขึ้น
ภาพสี
หนึ่งพิกเซลของภาพสีนั้นประกอบด้วยจำนวนบิตมหาศาล และใช้พื้นที่เก็บข้อมูลมาก ควาามสามารถในการสแกนภาพออกมาได้ละเอียดขนาดไหนนั้นขึ้นอยู่กับว่าใช้ สแกนเนอร์ขนาดความละเอียดเท่าไร
ตัวหนังสือ
ตัวหนังสือในที่นี้ ได้แก่ เอกสารต่างๆ เช่น ต้องการเก็บเอกสารโดยไม่ต้อง พิมพ์ลงในแฟ้มเอกสารของเวิร์ดโปรเซสเซอร์ ก็สามารถใช้สแกนเนอร์สแกนเอกสาร ดังกล่าว และเก็บไว้เป็นแฟ้มเอกสารได้ นอก จากนี้ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันสามารถใช้ โปรแกรมที่สนับสนุนOCR (Optical Characters Reconize) มาแปลงแฟ้มภาพเป็น เอกสารดังกล่าวออกมาเป็นแฟ้มข้อมูลที่สามารถแก้ไขได้

เทคนิคการเลือกซื้อ
1. DPI (Dot Per Inch)
dot per inch จำนวนจุดต่อนิ้ว หมายความว่า จะ Scanner สามารถ Scan ในความละเอียดสูง ได้ และในเวลาอันสั้น หมายความว่า มีคุณภาพค่อนข้างดี แต่อย่างไรก็ตาม ยิ่ง Scan ด้วยความละเอียดสูง จะทำให้ file ที่ได้มีขนาดใหญ่และช้ามากด้วย
2.การเชื่อมต่อ
เดิมการเชื่อมต่อจะใช้ SCSI card (ส่วนใหญ่ต้องซื้อเพิ่ม) เข้ามาเสริม เพื่อเพิ่มความเร็ว ปัจจุบันมักจะใช้ LPT หรือ USB มาเชื่อมต่อ แต่ก็ให้ความเร็วค่อนข้างดี
3. โปรแกรม
ควรมีโปรแกรมที่แถมมากับเครื่องเพื่อแก้ไขภาพ หรือถ้าต้องการ Scan ตัวอักษรแล้วต้องการแก้ไข ควรมีโปรแกรมประเภท OCR (OCR - Optical Character Recognition คือโปรแกรมที่สามารถเปลี่ยนข้อความที่เราสแกนเข้าไป เปลี่ยนเป็นข้อความที่สามารถแก้ไขได้โดยตรงด้วยโปรแกรมประเภท word)
4. ความสามารถพิเศษ


สามารถ Scan ฟิล์มสไลต์, ฟิล์มเนกะทีฟ, Scan 3D หรือ3 มิติ ได้หรือไม่

Printer


เครื่องพริ้นเตอร์(Printer)
เครื่องพริ้นเตอร์(Printer) คือ อุปกรณ์ชนิดหนึ่งในระบบคอมพิวเตอร์ที่จะทำหน้าที่ในการพิมพ์ข้อมูล เอกสารหรืองานต่างๆ ที่เราทำไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ออกมาสู่วัสดุต่างๆ ที่เราต้องการ เช่น กระดาษ พลาสติก หรือวัสดุอื่นๆ โดยทั่วไปเราจะแบ่งเครื่องPrinterออกไปตามคุณสมบัติ และลักษณะการใช้งานเครื่อง

ประเภทของ printer

1. Dotmatrix printer เครื่องพิมพ์ประเภทนี้ในสมัยก่อนเคยเป็นที่นิยม ลักษณะการพิมพ์เป็นแบบใช้หัวเข็ม และไม่ได้ใช้ตลับหมึกแต่ใช้ผ้าหมึกแทน


                                                          
 การใช้งาน มักใช้พิมพ์งานที่ต้องการทำสำเนา เนื่องจากเครื่องพิมพ์ลักษณะนี้มีแรงกด และสามารถพิมพ์กระดาษต่อเนื่องได้ และอายุการใช้งานค่อนข้างนาน แต่มีข้อเสียอยู่ที่คุณภาพงานพิมพ์ต่ำเมื่อเทียบกับ printer ประเภทอื่นๆ และมีเสียงดังขณะพิมพ์งาน




2. Inkjet printer เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทนี้ ในปัจจุบันค่อนข้างได้รับความนิยมค่อนข้างมาก เนื่องจากราคาที่ไม่สูงจนเกินไป คุณภาพงานพิมพ์เป็นที่ยอมรับ และการใช้งานได้ค่อนข้างหลากหลาย ลักษณะการพิมพ์ จะเป็นการพ่นหมึกพิมพ์เป็นหยดๆ ลงบนกระดาษ


                                                         
การใช้งาน สามารถพิมพ์งานได้หลากหลาย เอกสาร, ภาพถ่าย, โปสการ์ด แต่โดยทั่วไปมักมีขนาดไม่เกิน A3 และมีสินค้าให้เลือกหลายรุ่นตามระดับราคา และฟังก์ชันที่ต้องการ

3. Laser printer ลักษณะการพิมพ์ของ printer ประเภทนี้ ใช้เทคโนโลยีเดียวกับเครื่องถ่ายเอกสาร คือยิงเลเซอร์ไปสร้างภาพบนกระดาษในการสร้างรูปภาพ หรือตัวอักษร ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาจะมีคุณภาพสูงมากกว่าเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก



                                                          
การใช้งาน เหมาะสำหรับการพิมพ์ที่ต้องการคุณภาพที่สูงมากขึ้น เอกสารสำคัญต่างๆ หรืองานที่ต้องการความคมชัดและสวยงามมากกว่าการพิมพ์อิงค์เจ็ทโดยทั่วไป แต่เครื่อง print ประเภทนี้มีราคาสูง และต้นทุนในการใช้งานและบำรุงรักษาก็สูงมากขึ้นด้วย

4. Plotter เป็นเครื่องพิมพ์ชนิดที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลต่างๆ ลงบนกระดาษที่ทำมาเฉพาะงาน พล็อตเตอร์ทำงานโดยใช้วิธีเลื่อนกระดาษ โดยสามารถใช้ปากกาได้ 6-8 สี ความเร็วในการทำงานของ พล็อตเตอร์มีหน่วยวัดเป็นนิ้วต่อวินาที (Inches Per Second : IPS) ซึ่งหมายถึงจำนวนนิ้วที่พล็อตเตอร์สามารถ เลื่อนปากกาไปบนกระดาษ


                                                           
 การใช้งานเหมาะสำหรับงานเกี่ยวกับการเขียนแบบทางวิศวกรรม และงานตกแต่งภายใน ใช้สำหรับวิศวกรรมและสถาปนิก งานพิมพ์ขนาดใหญ่มีหน้ากว้าง เหมาะสำหรับทำงานด้านป้ายหรือโฆษณา

5. Multifunction printer เครื่องพิมพ์ประเภทนี้เป็น printer ที่รวบรวมฟังก์ชันที่หลากหลายในการทำงานไว้ในเครื่องตัวเดียว เช่น สามารถ scan, copy หรือรับ-ส่งแฟ็กซ์ ได้ในตัวเอง ทำให้มีความสะดวกสบายในการใช้งานที่ค่อนข้างมาก แต่ทั้งนี้ราคาก็มักจะสูงตามความสามารถที่มากขึ้นด้วย


                                                           
 การใช้งานที่หลากหลายนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มค่า และสะดวกสบายในการทำงาน ซึ่งสามารถเลือกฟังก์ชันจากรุ่นที่มีได้ตามต้องการ

Flash Drive


Flash Drive คืออะไร?

Flash Drive (หรือที่หลายคนเรียก Handy Drive, Thumb Drive, USB Drive)
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บข้อมูลหรือไฟล์จากคอมพิวเตอร์ มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา สะดวกในการพกพาติดตัว แต่ในขณะเดียวกันมีความจุสูง สามารถเก็บข้อมูลได้จำนวนมากตั้งแต่ 2 GB ถึง 16 GB และขนาดความจุข้อมูลก็ได้รับการพัฒนาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

แฟลชไดร์ฟ, แฮนดี้ไดร์ฟ เป็นอุปกรณ์นวัตกรรม IT ที่ในอนาคตทุกคนจะต้องมีและใช้ในชีวิตประจำวันอยู่ตลอดเวลา เพราะมีคุณสมบัติที่โดดเด่นตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน และมีประโยชน์ที่สำคัญที่สุดคือ:

• ความจุข้อมูลสูง ตั้งแต่ 2 GB ถึง 16 GB
• ใช้เก็บข้อมูลได้ทุกประเภท ทั้งไฟล์ข้อมูล, เอกสาร, พรีเซ็นเตชั่นสไลด์, เพลง MP3, รูปภาพดิจิตอล, วีดีโอ, และอื่นๆ
• สามารถใช้ได้ทันทีกับคอมพิวเตอร์และโน็ตบุ๊ค ทุกเครื่องทุกระบบ
• สามารถใช้ได้กับ Windows, Linux, Apple iMac, Apple iBook
• สะดวกในการใช้งาน เพียงแค่เสียบ Flash Drive เข้าช่องต่อ USB
• ใช้งานง่าย คุณสามารถทำการเขียน/อ่าน/ลบ/แก้ไข ข้อมูลในนั้นได้โดยตรงเหมือนกับฮาร์ดดิสไดร์ฟปกติ
• มีความทนทานสูง ทั้งภายในและภายนอก
• เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่สร้างจากเทคโนโลยีที่มีความทนทานสูงที่สุดในปัจจุบัน Solid-State Storage Technology
• เวลาใช้งาน ข้อมูลของคุณจะปลอดภัยไม่ว่าจะเกิดการตกหล่น กระแทก หรือขูดขีด
• มีขนาดเล็ก บาง เบา สามารถพกติดตัวได้สะดวก
• ใช้เล่นเพลง MP3 ได้ (เฉพาะรุ่นที่มี MP3 Player) 

ประเภทของ Flash Drive


Flash Drive 01
SKU. CKP-E0100


USB 2.0 Flash drive แบบฝาเปิด



Flash Drive 02
SKU. CKP-E0101



USB 2.0 Flash drive แบบฝาเปิด



Flash Drive 03
SKU. CKP-E0102



USB 2.0 Flash drive แบบหมุน



Flash Drive 04
SKU. CKP-E0108



USB 2.0 Flash drive โลหะ แบบหมุน



Flash Drive 05
SKU. CKP-E0103



USB 2.0 Flash drive รูปทรงกระป๋อง



Flash Drive 06
SKU. CKP-E0104



USB 2.0 Flash drive รูปทรงบัตรเครดิต

การเลือกซื้อ Flash Drive
พอร์ตการเชื่อมต่อ
ปกติเป็นพอร์ต USB 1.1 และ USB 2.0 ให้เลือก USB 2.0 เพราะจะมีความเร็วต่างกันมาก แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเครื่องคอมฯ ของคุณมีพอร์ต USB เวอร์ชั่น 1.1 ก็สามารถใช้งานร่วมกันได้เช่นกัน
ความจุ
เดิมความจุเริ่มต้นด้วย?8, 16, 32, 64, 128 และ 256 MB??แต่ปัจจุบัน เริ่มต้นกันที่ 1,024 MB หรือ 1, 2, 4, 8, 16?GB แล้ว
ความสามารถอื่นๆ
ถ้าต้องการมากกว่าบันทึกข้อมูลแล้ว การพิจารณา Flash Drive ในอยู่ในรูปของ 4 in 1 ซึ่งมีความสามารถพิเศษอื่นๆ เพิ่มคือ ฟังวิทยุ เล่นไฟล์ MP3, บันทึกเสียง และท้ายสุดบันทึกข้อมูลได้ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แต่ราคาเมื่อเทียบกับความจุแล้ว จะต่างกันมาก
ขนาด
ไม่มีผลกับความจุ แต่อย่างไรก็ตาม ขนาดโดยทั่วไปจะทำกับปากกา บางยี่ห้อมีการทำ Mini Flash Drive ซึ่งมีขนาดเล็กลงไปอีก ซึ่งสามารถใช้ห้อยคอได้ด้วย
ความเข้ากัน
Flash Drive จะใช้งานได้ดีกับ Windows ME, 2000 และ XP โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้ง Driver แต่สำหรับ Windows 98 จำเป็นต้องมีการลง Driver ก่อนการใช้งาน
ไฟแสดงสถานะ?
บางรุ่นจะมีไฟ LED เล็กๆ แสดงอยู่ ทำให้เราสามารถตรวจสอบได้ว่า Flash Drive ถูกใช้งานอยู่